การค้นพบหุ่นทหารดินเผาที่นครซีอาน มณฑลส่านซี ประเทศจีนในปี 1974 คือเหตุการณ์ครั้งสำคัญในวงการโบราณคดี ที่นำไปสู่การค้นพบกองทหารดินเผา และสุสานของจักรพรรดิพระองค์แรกในประวัติศาสตร์จีนอย่างจิ๋นซีฮ่องเต้
อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ นักโบราณคดีได้ขุดค้นและทำการศึกษาบริเวณที่ตั้งของกองทหารดินเผาและบริเวณโดยรอบของสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้เท่านั้น ขณะที่พีระมิดเนินดินขนาดใหญ่ที่เป็นตั้งของตัวสุสานนั้น นักโบราณคดียังไม่ได้เข้าไปขุดค้นภายใน
ถ้าถามว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้นักโบราณคดีไม่กล้าเข้าไปภายในสุสาน ก็มีอยู่หลายเหตุผลด้วยกัน เริ่มจากเหตุผลแรกก็คือ นักโบราณคดีกลัวว่าการขุดค้นสุสานอาจทำให้โบราณวัตถุรวมถึงตัวสุสานเกิดความเสียหายได้
ในตอนที่นักโบราณคดีขุดค้นหุ่นทหารดินเผาในปี 1974 ตอนแรกหุ่นทหารดินเผาเหล่านี้ ต่างก็มีการลงสีที่สวยสดงดงามไว้ แต่เมื่อหุ่นสัมผัสกับอากาศด้านนอก สีที่อยู่บนตัวหุ่นทหารก็ได้หลุดลอกออกมา เกิดเป็นความเสียหายต่อโบราณวัตถุที่ไม่มีใครอยากให้เกิด
นอกจากนี้ยังเคยมีตัวอย่างของการขุดค้นแหล่งโบราณคดีที่ขาดความเชี่ยวชาญ อย่างเช่นในช่วงปี 1870 ที่นักโบราณคดีชาวเยอรมัน ไฮน์ริช ชลีมานน์ (Heinrich Schliemann) ทำการขุดค้นซากเมืองทรอยในประเทศตุรกี ที่ทำให้แหล่งโบราณคดีเกิดความเสียหายอย่างหนัก
เหตุผลต่อมาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาในบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีการกล่าวถึงสุสานของจิ๋นซีฮ่องเต้ อย่างเช่นบันทึกประวัติศาสตร์ที่ชื่อ ‘สื่อจี้’ ของซือหม่าเซียน (Sima Qian) นักประวัติศาสตร์จีนในยุคราชวงศ์ฮั่นที่บันทึกไว้ว่า ภายในสุสานเต็มไปด้วยกับดักนานาชนิด ที่พร้อมต้อนรับผู้ที่คิดบุกรุกสุสานขององค์จักรพรรดิ
ที่สำคัญภายในสุสานยังเต็มไปด้วยสารพิษอย่างเช่นปรอทเป็นจำนวนมาก ซือหม่าเซียนบันทึกว่า ภายในสุสานมีการจำลองลักษณะภูมิประเทศของแผ่นดินจีน โดยปรอทถูกนำไปสร้างเป็นแม่น้ำและทะเล สำหรับชาวจีนโบราณปรอทยังเกี่ยวข้องกับความเชื่อเรื่องยาอายุวัฒนะอีกด้วย
และจากการที่นักโบราณคดีเคยตรวจสอบความเข้มข้นของปรอทบริเวณโดยรอบสุสาน ก็พบว่ามีปริมาณของปรอทที่สูงมาก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นกับดักที่แสนอันตราย สารพิษร้ายแรงอย่างปรอท รวมถึงภัยอันตรายที่ยังไม่เคยรู้ การเข้าไปภายในสุสานจึงถือเป็นความเสี่ยงต่อชีวิตอย่างมาก
ดังนั้นวิธีการขุดค้นสุสานโดยไม่สร้างความเสียหายจึงถูกหยิบยกขึ้นมา อย่างเช่นเทคโนโลยีการใช้อนุภาคที่เรียกว่า มิวออน (Muon) ในการสแกนพื้นที่ภายในสุสาน ซึ่งเทคโนโลยีนี้เคยถูกนำไปใช้กับมหาพีระมิดที่อียิปต์ จนทำให้ค้นพบห้องโถงที่ไม่เคยถูกสำรวจภายในมหาพีระมิดมาแล้ว
ไม่แน่ว่าในอนาคต นักโบราณคดีอาจจะใช้อนุภาคมิวออนหรือเทคโนโลยีล้ำสมัยอื่น ๆ ในการสำรวจภายในสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ ทั้งนี้ก็เพื่อให้สุสานขององค์จักรพรรดิที่มีอายุมากกว่า 2,200 ปีนี้ ยังคงสภาพสมบูรณ์ให้ได้มากที่สุด