เวลาพบปะเข้าสังคมกับคนจีนจะพบลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งอันเป็นเอกลักษณ์คือ “เกิดเป็นชายรักหน้าตา เกิดเป็นหญิงรักชื่อเสียง” เมื่อได้ศึกษาอุปนิสัย วัฒนธรรมของคนจีนก็พบการแสดงออกหรือความเชื่อที่สอดคล้องกับลักษณะนิสัยนี้ในหลายประเด็น ซึ่งแน่นอนว่าตงฮั้วเดลี่สรุปมาให้แล้ว ตามอ่านกันต่อเลย!
“หน้า” สำหรับคนจีนเป็นเรื่องสำคัญมาก ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงความสวยความหล่อ แต่หมายถึง “หน้าตาทางสังคม” ซึ่งได้แก่ ภาพลักษณ์ ศักดิ์ศรี เกียรติยศและฐานะทางสังคม ใครที่ไม่รัก “หน้า” “ชื่อเสียง” เกือบเท่ากับ “การไร้ศักดิ์ศรี ไม่เคารพนับถือตัวเอง” โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนจีนรุ่นเก่าที่ศักดิ์ศรีคือเรื่องสำคัญกับชีวิต
การแสดงออกของนิสัย “การรักหน้าตา ชื่อเสียง” จะเห็นชัดเจนมากในการเข้าสังคม การรวมตัวเพื่อการสังสรรค์ต่างๆ เมื่อคนมารวมตัวกันก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่จะชอบเปรียบเทียบกันในเรื่องรอบๆตัวเสมอ ใครอยู่เหนือใคร ใครเป็นผู้ชนะ เมื่อพบหน้ารูปลักษณ์เป็นเรื่องแรกที่จะมอง ต้องแต่งตัวดี ภูมิฐาน รวมถึงคนที่พาไปด้วยไม่ว่าจะเป็นสามีหรือภรรยาก็ต้องดูดี ได้รับคำชมทำให้รู้สึกพอใจ
“การแย่งกันจ่าย” คนจีนส่วนใหญ่จะไม่นิยมแชร์ค่าอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการรวมตัวของเพื่อนหรือการร่วมธุรกิจ จะต้องเป็นคนหนึ่งออกเงินเลี้ยง นอกจากจะแสดงถึงมิตรภาพแล้ว ยังมีนัยยะที่ต้องการสื่อคือ เป็นคนใจกว้าง มีน้ำใจ และแสดงความมั่งมีของตนเองให้คนอื่นรู้ หรือพูดง่ายๆ เป็นภาษาไทยก็คือ “เป็นคนหน้าใหญ่” เมื่อมีการรวมตัวเพื่อสังสรรค์ การพูดคุยก็จะมีบทสนทนาที่โอ้อวดตนเองแบบอ้อมๆ เล่าประสบการณ์ เรื่องราวที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าตัวเองฉลาด มีความสามารถและมีความมั่งคั่ง เมื่อได้รับคำชมก็จะตอบปฏิเสธคำชม เพื่อแสดงให้เห็นว่าเป็นคนถ่อมตัวนั่นเอง
การรักหน้าตา รักชื่อเสียง เป็นเหมือนพลังในการสร้าง “อำนาจ” เมื่อเป็นคนรักหน้าตารักชื่อเสียง ก็ทำให้เป็นคนที่มีภาพลักษณ์ที่ดี มีความน่าเชื่อถือ เวลาจะพูดหรือทำธุรกิจก็ไว้ใจได้ อำนาจจะดึงดูดผลประโยชน์เข้ามาหาตัวมากขึ้น แต่อย่างไรก็ดี เรื่องราวมักมีมากกว่า 1 ด้านเสมอเสมอ
การยึดมั่นในหน้าตาชื่อเสียงมากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีเลย คล้ายเป็น “คนหยิ่งยโส” ขาดความจริงใจ ทำให้คนอื่นรู้สึกไม่พอใจ รำคาญได้ การยึดมั่นสร้างควมลำบากให้กับชีวิต เช่น บางคนประสบปัญหา ต้องการความช่วยเหลือก็ไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากญาติได้ เพราะกลัวอับอาย แสร้งทำตัวเหมือนปกติ เลี่ยงการถูกสบประมาทว่า “อ่อนแอ ไม่มีความสามารถ” หรือบางครอบครัวยอมกู้เงินธนาคารเพื่อส่งเสริมครอบครัว ลูกหลานให้ได้หน้า แต่สุดท้ายภาระหนี้สินก็ตกเป็นของลูกหลาน เป็นต้น
ในอดีตการหย่าร้างเป็นเรื่องที่อับอายมากสำหรับผู้หญิง ในบางครั้งถูกทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจก็ไม่กล้าแจ้งความหรือขอหย่าเพราะไม่ต้องการเสียหน้าให้เป็นที่อับอาย
ค่านิยม “การักหน้าตา รักชื่อเสียง” เป็นเรื่องทรมานสำหรับบางคน ซึ่งคนจีนรุ่นใหม่ได้รับวัฒนธรรมใหม่เข้ามา ได้มองสภาพสังคมที่เป็นอยู่และคนรุ่นใหม่กล้าที่จะลองทำอะไรที่ต่างจากเดิม ทำให้เกิดวัฒนธรรมอีกรูปแบบหนึ่งในกลุ่มคนจีนรุ่นใหม่ ทั้งการแชร์ค่าอาหารหรือการหย่าร้าง ดังนั้นแล้วควรเลือกที่จะเดินตาม “ทางสายกลาง” ข้อดีของการรักษาหน้าตาและชื่อเสียง คือ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดูดี น่าเชื่อถือ เป็นแรงผลักให้พัฒนาตนเองได้ แต่ก็ไม่ควรที่จะยึดมั่นถือมั่นจนทำให้ลำบากกายและลำบากใจเลยนะคะ
Cr.https://adaybulletin.com/know-mahamangkorn-overly-generous/53117