“จาง จ้งจิ่ง” หนึ่งในแพทย์ชาวจีนที่มีชื่อเสียงที่สุดระหว่างปลายราชวงศ์ฮั่น

“จาง จ้งจิ่ง” แพทย์ผู้วางรากฐานของยาแผนโบราณของจีน!!
“จาง จ้งจิ่ง”เป็นหมอที่มีความสามารถสูง และคุณธรรมสูล ไม่ว่าจะมีเงิน รวย จน เขารักษาโโยไม่เกี่ยงฐานะใดใด ที่สำคัญไม่ว่าโรคอะไรที่รักษายาก เขาสามารถรักษาได้เกือบทั้งหมด จนคนไข้ที่เขารักษษหายนั้นมีมาจนนับไม่ถ้วน!

จาง จ้งจิ่ง ได้เขียน “สารานุกรมยาแผนโบราณ” จนเรียกได้ว่าเป็นผู้วางรากฐานของยาแผนโบราณของจีนจนมีคำกล่าวว่า “หากคุณต้องการเป็นหมอจีนแผนโบราณ แต่ยังไม่อ่านหนังสือเล่มนี้ อย่าแม้แต่จะคิดว่าจะเป็นหมอจีนแผนโบราณ”

มาพูดถึงเรื่องราวประวัติของ จาง จ้งจิ่ง กันสักนิดนะคะ เดิมเขาเป็นคนแซ่จาง ชาวตงฮั่น เกิดที่เมืองเนี้ยนหยาง หรืออำเภอหนานหยาง ในมณฑลเหอหนานในปัจจุบัน เขาเป็นคนใฝ่รู้ ชอบอ่านหนังสือ โดยเฉพาะหนังสือเกี่ยวกับ “ยาแผนโบราณ” และยังเป็นลูกศิษย์ของหมอท้องถิ่นท่านหนึ่งด้วย

แต่เนื่องจากยุคสมัยนั้น ผู้คนส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ทำให้เขาเลือกสอบเป็นข้าราชการ ระหว่างเป็นข้าราชการนั้น เขายังคงสนใจการอ่านหนังสือ จนเขาได้ไปสมัครเป็นศิษย์ของ “จางป๋อจู่” และได้ร่ำเรียนวิชาจากอาจารย์ทั้งหมด เขาใฝ่รู้จนถึงขั้นยอมเดินทางไกล เพื่อไปหาหมอเทวดาที่ผู้คนเล่าขานกันว่า สามารถรักษาโรคหิดได้แม้จะไกลเป็นร้อยลี้ก็ตาม

จากเหตุการณ์โรคระบาดใหญ่ ได้คร่าชีวิตคนในครอบครัวเขาไป ทำให้เขามุ่งมั่นอ่านหนังสือยาโบราณอย่างหนัก และเขาได้อาศัยหนังสือโบราณ อย่าง “เน่ยจิง” และ “หนานจิง” เป็นพื้นฐานตำราการแพทย์ของเขา “ซางหางจ๋าปิ้งลุ่น” (伤寒杂病论) ซึ่งเป็นหนังสือ เกี่ยวกับรักษาไข้หวัดชนิดต่าง ๆ พร้อมด้วยใบสั่งยาจำนวนมาก รวมทั้งหมด 16 เล่ม และเขายังได้เขียนคำอธิบายทฤษฏีแพทย์แผนโบราณของจีน ซึ่งนับได้ว่าเป็นการสร้างรากฐานแพทย์แผนโบราณของจีนขึ้น

แต่จากสมัยนั้นเน้นไปที่การรักษาโรคแนวทางของ “หยิน” และ “หยาง”เป็นหลัก ทำให้เขาไม่ได้รับการยอมรับ เพราะหนังสือของเขาบางเล่ม เขียนไปในแนวที่ขวางกระแสหลัก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเขาก็เป็นคนสุภาพ ถ่อมตัว และประณีประนอมมาโดยตลอด ทำให้ตัวเขาไม่ค่อยมีชื่อเสียง จนกระทั่งยุคจิ๋น จึงมีการนำหนังสือเขามาพูดคุยอีกครั้ง

จาง จ้งจิ่ง เป็นบุคคลที่น่านับถืออีกคนหนึ่งจากความใฝ่รู้ และตั้งใจศึกษาหาความรู้ จนทุกวันนี้ประเทศจีนได้สร้างอนุสรณ์สถาน ที่มีรูปปั้นศิลาทั้งตัวของ “จาง จ้งจิ่ง” ในวิทยาเขตของ การแพทย์จีนแผนโบราณ มหาวิทยาลัยฉางชุน และ คณะแพทย์จีนแผนโบราณแห่งมหาวิทยาลัยเหอหนานอีกด้วย

Press ESC to close