ทุกครั้งในการมาตลาดน้อย ไม่ว่าจะตั้งแต่อดีต ถึงปัจจุบัน เราจะเห็นตึกรูปทรงจีนประยุกต์ หรือจีนโมเดิร์นตั้งเด่นสง่า พร้อมประตูสีแดงที่ประดับด้วยอักษรจีนเขียนไว้ เรียกได้ว่าเป็นจุดแชะภาพอีกจุดหนึ่งของการมาเดินเที่ยวตลาดน้อยเลยก็ว่าได้
กว่า 60 ปีที่ “หนังสือพิมพ์ตงฮั้ว” เป็นจุดเช็คอินจุดหนึ่งที่สำคัญในย่านตลาดน้อย เมื่อไหร่ก็ตามที่เอ่ยถึงหนังสือพิมพ์ตงฮั้วรุ่น ป๊าม๊า อากง อาม่าในยุคอดีตไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะเป็นสื่อสิ่งพิมพ์จีนอันดับหนึ่งในไทยที่เขียนข่าวเรื่องราวในไทย ให้ชุมชนชาวจีนทั่วประเทศได้อ่าน โดยเฉพาะร้านค้า ร้านชากาแฟในแถบชุมชนตลาดน้อยต่างก็มีหนังสือพิมพ์ตงฮั้ววางไว้บนโต๊ะคู่กับชากาแฟ และปาท๋องโก๋ เพื่อประกอบบทสนทนาเรื่องข่าวสารบ้านเมืองกันอย่างครึกครื้นในยามเช้ากัน
ที่สำคัญตึกทรงจีนประยุกต์ที่ว่านี้ยังคงรักษาโครงสร้างแบบเดิม และยังคงมีพื้นที่ในการจัดนิทรรศการวิวัฒนาการการพิมพ์ของหนังสือพิมพ์ในยุคอดีตถึงปัจจุบันทั้งหมดให้ชมกัน หลายคนอาจสงสัยว่าสมัยนี้ใครกันที่ยังคงอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ เพราะเป็นยุคที่หนังสือพิมพ์หลายๆฉบับต่างปิดตัวลงและหันไปทำในรูปแบบดิจิตัลมากขึ้น แต่ในปัจจุบันนี่แหละ หนังสือพิมพ์ตงฮั้วนั้นยังคงดำเนินกิจการการพิมพ์หนังสือพิมพ์จีน ควบคู่กับการทำสื่อดิจิทัลไปด้วย
เพราะ “เราใส่ใจ ทุกยุค” ทั้งอดีตที่อากงอาม่ายังยืนอ่านหนังสือพิมพ์ที่ติดอยู่ที่บอร์ดหน้าบริษัทจวบจนปัจจุบัน ตงฮั้วก็ยังคงมีบอร์ดหนังสือพิมพ์ประจำวันติดอยู่หน้าบริษัทดังเดิม รวมถึงการพัฒนาสื่อให้ทันยุคทันสมัย “ใส่ใจ คนรุ่นใหม่ ลูกหลานตลาดน้อย” ตงฮั้วก็มีช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่างเพจเฟสบุ๊ค เว็บไซต์ภายใต้แบรนด์ “ตงฮั้วเดลี่” คอยให้ข้อมูลข่าวสารลูกหลานจีนที่ต้องการรู้เรื่องเกี่ยวกับทุกมิติของความเป็นจีน ในรูปแบบภาษาไทยเช่นกัน
…………………………
ถึงจะ “เก่า” แต่ต้อง “เก๋า” คือนิยามของ “หนังสือพิมพ์ตงฮํ้ว”
“เก๋า” จากการเป็น “หนังสือพิมพ์หลากสีฉบับแรกของเมืองไทย”
ขอเกริ่นคร่าวๆถึงประวัติความเป็นมาของหนังสือพิมพ์ตงฮั้ว ที่เริ่มต้นจากกิจการขนาดเล็ก จนปัจจุบันกลายเป็นหนังสือพิมพ์ขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดของหนังสือพิมพ์ภาษาจีนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ และยังเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยมีการขยายและปรับปรุงกิจการมาโดยตลอดเป็นเวลามากกว่า 60 ปี “หนังสือพิมพ์ตงฮั้ว” ก่อตั้งโดยนายสาคร กยาวัฒนกิจ และนางกัลยาณี กยาวัฒนกิจเมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2503 ในเวลาไม่นาน หนังสือพิมพ์ตงฮั้วได้พัฒนาปรับปรุงคุณภาพของหนังสือพิมพ์ซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิวัติระบบการพิมพ์ โดยการนำเครื่องพิมพ์ “ออฟเซต 4 สี” เข้ามาใช้ในวงการและได้ทำการเสนอข่าว 4 สี ในหน้าหนึ่ง หนังสือพิมพ์ตงฮั้วจึงมีความเก๋าแรกในการเป็น “หนังสือพิมพ์หลากสีฉบับแรกของเมืองไทย” ส่งผลให้หนังสือพิมพ์ตงฮั้วเป็นที่รู้จักแพร่หลายและเป็นที่ต้องการของผู้อ่าน
“เก๋า” จากการเป็น“หนังสือพิมพ์จีนฉบับแรกที่ใช้และพัฒนาระบบการจัดหน้าโดยคอมพิวเตอร์”
ผลจากการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ในการพิมพ์ รวมกับการพัฒนาคุณภาพของหนังสือพิมพ์ ทำให้หนังสือพิมพ์ตงฮั้วกลายเป็นผู้นำทางการตลาดของหนังสือพิมพ์จีนในประเทศไทย พร้อมกันนี้ตงฮั้วเองยังได้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ใน “การจัดหน้าหนังสือพิมพ์จีน” ทำให้รูปแบบหนังสือพิมพ์ทันสมัยขึ้นและจัดได้ว่าเป็นหนังสือพิมพ์จีนฉบับแรกที่ใช้และพัฒนาระบบการจัดหน้าโดยคอมพิวเตอร์
“เก๋า”แบบสุดขั้วจากการเป็น “หนังสือพิมพ์อุดมการณ์ เสนอข่าวเที่ยงตรง อยู่ข้างประชาชนอย่างแท้จริง”
ด้วยอุดมการณ์การนำเสนอข่าวของหนังสือพิมพ์ตงฮั้วที่เที่ยงตรง และอยู่เคียงข้างประชาชน ในเหตุการณ์วันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ.2519 คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน จึงมีคำสั่งหยุดการพิมพ์ออกจำหน่าย และสามารถกลับมาตีพิมพ์อีกครั้งในสมัยที่ประเทศไทยเข้าสู่ยุคประชาธิปไตยหลังจากมีการเลือกตั้ง
และนี่คือ “ความเก๋า” ที่เป็นตำนานของหนังสือพิมพ์ตงฮั้วยังคงสืบสานอุดมการณ์ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง มุ่งมั่นพัฒนาสิ่งพิมพ์จวบจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้คุณภาพแก่ผู้อ่านอย่างแท้จริง ทั้งเนื้อหาข่าวที่เที่ยงตรง ภาพที่คมชัด จนถึงทุกวันนี้การพัฒนาคุณภาพก็ยังคงดำเนินอยู่ และยังขยายการเติบโตไปในธุรกิจที่ทันยุคทันสมัยมากขึ้นอีกด้วย
“ตึกเก๋งจีนประยุกต์ ที่มีประตูแดงประดับด้วยอักษรจีน” ยังคงอยู่จากอดีตถึงปัจจุบัน เปรียบเสมือนสื่อจากหนังสือพิมพ์ตงฮั้วที่ยังคงสนับสนุนชุมชนตลาดน้อย และชุมชนชาวจีน พร้อมเป็นสื่อที่มีส่วนร่วมในการพัฒนา “ชุมชนตลาดน้อย” ตลอดไปเช่นกัน!!
และอย่าลืมแวะมาเช็คอินที่ “ตึกเก๋งจีน” หรือ “ประตูแดงประดับด้วยอักษรจีน” ตงฮั้วยินดีต้อนรับทุกท่าน!
