นิกายเซนมีต้นกำเนิดจากประเทศอินเดีย จากนั้นเผยเข้าไปในประเทศจีนและถูกพัฒนา โดยได้รับอิทธิพลจากลัทธิขงจื้อและลัทธิเต๋า จะถูกเผยแพร่ไปยังประเทศอื่นๆ คือ เกาหลีและญี่ปุ่น
พระฮุ่ยเหนิงเป็นผู้สืบทอดธรรมและดำรงตำแหน่งเป็นเป็นสังฆปรินายกองค์ที่ 6 ในวัยเยาว์อยู่ในครอบครัวที่ยากจนมาก จึงไม่มีโอกาสเรียหนังสือ กำพร้าบิดาตั้งแต่เด็ก ตนได้ตัดฟืนขายหาเลี้ยงมารดาจนกระทั่งอายุ 23 ปี วันหนึ่งมีโอกาสฟังข้อความบางตอนของ “จินกังจิง” หรือวัชรปรัชญาปารมิตาสูตร “ความคิดควรผุดขึ้นจากสภาวะแห่งการไม่ยึดติด” ทันใดนั้นฮุ่ยเหนิงก็รู้สึกกินใจ ประกอบกับเวลานั้นมีหญิงแปลกหน้าคนหนึ่งแนะให้เขาไปคาราวะพระอาจารย์หงเหริ่น สังฆปรินายกองค์ที่ 5 และมอบเงินจำนวนสิบตำลึงให้เป็นค่าใช้จ่ายของมารดาเขา
ฮุ่ยเหนิงเดินเท้าเป็นเวลากว่าสามสิบวันเพื่อไปพบเจ้าอาวาสวัดตังซาน ก็แสดงความเข้าใจในธรรมตั้งแต่คำถามแรก อาจารย์หงเหริ่นจึงรับเขาไว้ในวัด ผ่านไปประมาณ 8 เดือน อาจารย์หงเหริ่นเริ่มมองหาผู้สืบทอดตำแหน่ง จึงมีบททดสอบคุณสมบัติให้กับศิษย์ในวัด โดยสั่งให้ศิษย์เขียนความเข้าใจเรื่องธรรมในรูปของโศลก ฮุ่ยเหนิงให้พระรูปหนึ่งช่วยเขียนคำตอบ
โพธิ์นั้นไม่มีต้น
กระจกเงาก็ไม่มี
สรรพสิ่งแต่แรกมาคือความว่างเปล่า
ฝุ่นละอองจะลงจับบนสิ่งใด
คำตอบของฮุ่ยเหนิงแสดงให้เห็นว่าเขาอยู่ในภาวะจิตที่บริสุทธิ์ เข้าใจในเซนอย่างแท้จริง พระอาจารย์ส่งสัญญาณให้ฮุ่ยเหนิงออกมาพบเขาเพียงลำพังในตอนกลาง อาจารย์ใช้จีวรขึงบังไม่ให้ใครเห็น อธิบายพระสูตรแก่ฮุ่ยเหนิงถึงประโยค “คนเราควรจะใช้จิตของตนในวิถีทางที่จิตเป็นอิสระได้จากเครื่องข้องทั้งหลาย” ฮุ่ยเหนิงก็มองเห็นสภาวะจิตเดิมแท้ของตน เข้าใจว่าสรรพสิ่งในจักรวาลเป็นเนื้อแท้แห่งจิต หรือจิตเดิมแท้เท่านั้น รู้แจ้งในคืนนั้นเองว่า ที่แท้ทุก ๆ สิ่งในสากลโลกก็คือตัวจิตเดิมแท้นี่เอง มิใช่สิ่งอื่นใด จากนั้นพระอาจารย์มอบบาตร จีวร สังฆาฏิ อันเป็นธรรมเนียมการสืบทอด ซึ่งขณะนั้นฮุ่ยเหนิงยังเป็นฆราวาสอยู่
จากนั้นฮุ่ยเหนิงมีเหตุให้ต้องลี้ภัยไปเมืองเจียงหนาน อาศัยอยู่กับกลุ่มนายพราน 15 ปี ซึ่งฮุ่ยเหนิงทานแต่ผักเท่านั้น จนเมื่อฮุ่ยเหนิงอายุ 39 ปี เห็นว่าถึงเวลาสมควรแล้วจึงเดินทางไปวัดกวงเซี่ยว และได้สนทนาธรรมกับเจ้าอาวาส เจ้าอาวาสจึงทำพิธีปลงผมบรรพชาให้ฮุ่ยเหนิงเป็นพระภิกษุ
Credit from:
https://thit.link/svSHFN4
https://thit.link/3BYr5Q6
https://thit.link/uf3gO6c