“ผานกู่” เป็นสิ่งมีชีวิตแรกสุดของโลกที่สร้างสรรพสิ่งทุกอย่างบนโลกนี้ โดยผานกู่ มีความหมายว่า แผ่นโลกโบราณ ผานกู่มีรูปร่างใหญ่โตเหมือนยักษ์ บนศีรษะมีเขา ขนดก ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยขน
……………………………
สิ่งแรกที่ผานกู่ให้กำเนิดขึ้นมาคือ “ไข่ใบหนึ่ง” ที่เกิดขึ้นจากการรวบรวมความวุ่นวายในจักรวาลเข้าด้วยกัน ใช้เวลามากถึง 18,000 ปี ไข่ที่สมบูรณ์ใบนี้ภายในมีสิ่งที่เรียกว่า หยินและหยาง ผานกู่เริ่มสร้างโลกใช้ขวานยักษ์จามไปที่ไข่แยกหยินหยางออกจากกัน หยินกลายเป็นโลก และหยางกลายเป็นท้องฟ้า และเพื่อให้ทั้งสองแยกกันอยู่ ผานกู่ต้องยืนขวางระหว่างสองส่วนเอาไว้และดันท้องฟ้าให้สูงขึ้นไป แต่ละวันท้องฟ้าสูงขึ้น 3 เมตร โลกกว้างขึ้น 3 เมตร และผานกู่ก็สูงขึ้น 3 เมตร ขั้นตอนนี้ใช้เวลารวม 18,000 ปี ในระหว่างการสร้างโลกบางตำนานก็เล่าว่าผานกู่มีตัวช่วยก็คือ 4 สัตว์ใหญ่ในตำนาน ได้แก่ เต่า กิเลน หงส์และมังกร
หลังจาก 18,000 ปี ผานกู่เหน็ดเหนื่อยมากและล้มตายไป ตัวของผานกู่แยกส่วนกลายเป็นส่วนประกอบของโลก ลมหายใจกลายเป็นสายลม เสียงกลายเป็นสายฟ้า ตาซ้ายกลายเป็นดวงอาทิตย์ ตาขวาเป็นดวงจันทร์ ร่างกายกลายเป็นเทือกเขาและที่ราบสูงส่วนใหญ่ของโลก เลือดกลายเป็นแม่น้ำ กล้ามเนื้อเป็นผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ หนวดเคราเป็นดวงดาวและทางช้างเผือก ขนเป็นพุ่มไม้และป่าไม้ กระดูกเป็นแร่ธาตุมีค่า ไขกระดูกเป็นเพชร เหงื่อกลายเป็นฝน และเหลือบไรบนขนตามร่างกายกายไปเป็นปลาและสัตว์ต่าง ๆ บนแผ่นดิน
……………………………
ผานกู่ได้สร้างทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ไว้เพรียมพร้อมแล้ว สิ่งที่ขาดไปก็คือมนุษย์ เทพหนี่หวาแห่งดวงจันทร์ได้ลงมาเยี่ยมชมโลกในวันหนึ่ง ท่านเทพได้นำดินโคลนมาปั้นเป็นมนุษย์ ทำให้เกิดมนุษย์ขึ้นมาเป็นกลุ่มแรก ซึ่งจะฉลาดหลักแหลมเพราะเกิดขึ้นจากความตั้งใจประดิษฐ์ทีละคน ต่อมาเทพหนี่หวารู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการค่อยๆสร้างทีละคน จึงเอาเชือกจุ่มน้ำโคลนและสะบัดออกไปกลายเป็นมนุษย์ ซึ่งมนุษย์กลุ่มนี้จะไม่ฉลาดเหมือนกลุ่มแรก!!!!!