ระยะนี้เดินทางไปหลายที่ก็เจอกับร้านสีแดงจิ๊ดๆ กับมาสคอตตุ๊กตาหิมะ แล้วก็มีคนเดินเข้าไปซื้อของในนั้นเสมอ บางครั้งก็เห็นต่อแถวกันหลายคน ทำเอาสงสัยเหมือนกันว่าทำไมร้าน “มี่เสวี่ย” ขายได้ดีจัง
มี่เสวี่ย (蜜雪冰城) อ่านว่า มี่เสวี่ยปิงเฉิง มีความหมายว่า ปราสาทน้ำแข็งที่สร้างจากหิมะแสนหวาน เริ่มมีขายในประเทศไทยช่วงประมาณปี 2565 ในละแวกมหาวิทยาลัยก่อน แล้วค่อยๆ กระจายตัวออกไปทั่วกรุงเทพฯ ส่วนจุดเริ่มต้นของแบรนด์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่พ.ศ. 2540 ที่เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน นายจาง หงเชามองเห็นช่องทางการเริ่มต้นธุรกิจน้ำแข็งไส เมื่อเรียนจบจึงเปิดร้านด้วยเงินทุนประมาณ 4,000 หยวน ขายน้ำแข็งไส ไอศกรีม สมูทตี้ ชานม เป็นต้น
เหตุการณ์ที่ทำให้มี่เสวี่ยเป็นเติบโตอย่างรวดเร็ว ขายแฟรนไชส์ได้จำนวนมาก คือราวๆ พ.ศ. 2549 มีเทรนด์ไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเป็นกระแสมาก จาง หงเชา ตัดสินใจที่จะขายไอศกรีมซอฟต์เสิร์ฟเพียง 2 หยวนเท่านั้น ซึ่งทั่วไปขายอยู่ที่ 10 หยวน
แบรนด์มี่เสวี่ย มีแนวทางในการทำงานที่ตั้งไว้คือ “นำผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และราคาย่อมเยามาสู่ทุกคนทั่วโลก” ซึ่งทำได้ด้วยการบริหารต้นทุนและคุณภาพสินค้า ด้วยระบบ Supply Chain ตั้งแต่ต้นทาง มีครัวกลางเป็นจุดเตรียมวัตถุดิบ ลงทุนในคลังสินค้าและการขนส่ง ทำให้มี่เสวี่ยมีต้นทุนทางธุรกิจต่ำกว่าคู่แข่งมากถึง 20% ราคาขายสินค้าในร้านมี่เสวี่ยจึงมีราคาอยู่ที่ 15 – 50 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ลูกค้าทุกวัยสามารถจับต้องได้ การขยายสาขาเป็นแบบเฟรนไชส์ ที่จัดการระบบร้านให้ทั้งการปรับปรุงร้าน การฝึกอบรมพนักงาน ระบบการจัดการทั้งหมด และเมื่อจำนวนเฟรนไชส์มีมาก ก็ทำให้ความต้องการใช้วัตถุดิบสูงมากขึ้น ซึ่งมี่เสวี่ยสามารถส่งมอบวัตถุดิบในราคาที่ถูกกว่าร้านค้าทั่วไปให้ร้านเฟรนไชส์ได้
ช่องทางการตลาดที่จะทำให้คนรู้จักแบรนด์ นอกจากจะใช้สื่อโซเชียลมีเดีย มาสคอต “Snow King” เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์แล้ว มี่เสวี่ยยังมีผลิตภัณฑ์ของตัวเอง ทั้งของสะสมและแก้วน้ำที่สามารถนำมาใช้ซ้ำได้ แล้วอีกอย่างที่ใช้โฆษณาด้วยเพลงประจำร้าน!! เมื่อมีดนตรีที่แสดงรายละเอียดร้าน จังหวะเพลงสนุกสนานที่ติดหูคนฟัง ก็ทำให้เป็นที่จดจำของลูกค้าได้
แนวทางกลยุทธฺและการตลาดของมี่เสวี่ย ทำให้ร้านมีสินค้าหลากหลายแล้ว มีคุณภาพดี ราคาถูก มีสาขาจำนวนมาก สามารถเข้ายึดครองพื้นที่ในใจลูกค้าแล้ว ทำให้ผลประกอบการของมี่เสวี่ยเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในปี 2563 มีรายได้ 23,124 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้สูงขึนถึง 51,144 ล้านบาท